
การพักผ่อนที่ดีที่สุดก็ คือ การนอนและสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้เรานอนหลับพักผ่อนได้อย่างเต็มอิ่ม สบายกายสบายตัว วันนี้มีรายละเอียดเล็กๆ น้อยเกี่ยวกับที่นอนมาฝากกันค่ะ ไม่ว่าจะเป็นชนิอของที่นอน ความหนาความนุ่มของที่นอน และการเตียงให้เหมาะกับวัย รวมไปถึงการดูแลรักษาให้เตียงนอนอยู่กับเราไปนานๆ ด้วยนะคะ 

ที่นอนสปริง เป็นที่นอนที่มีราคาต่ำกว่าที่นอนยางพารา แต่มีคุณสมบัติความยืดหยุ่นและสามารถคืนตัวได้ดีกว่าที่นอนยางพารา เพราะมีสปริงอยู่ในที่นอนที่สามารถรองรับกับสรีระในการนอนได้ดีกว่า จึงเหมาะสำหรับคนที่ชอบนอนตะแคง เพราะสปริงจะสามารถยุบตัวลงไปโดยอัตโนมัติโดยไม่กดทับ จึงช่วยทำให้ไม่รู้สึกปวดไหล่ในเวลานอน

ที่นอนยางพารา เป็นที่นอนที่มีราคาค่อนข้างสูงกว่าที่นอนประเภทอื่น แต่มีความคงทนและสามารถใช้งานได้ยาวนาน ที่สำคัญยังมีคุณสมบัติไม่กักเก็บความชื้นและฝุ่นละออง จึงไม่มีกลิ่นอับชื้นใดๆ มารบกวน อีกทั้งยังมีคุณสมบัติความยืดหยุ่นสูง ปราศจากการยุบตัวเป็นแอ่งบนที่นอน

ที่นอนฟองน้ำ ที่นอนประเภทนี้เป็นที่นอนที่มีความนุ่มสูง แต่ไม่สามารถยืดหยุ่นและคืนตัวได้ดีเท่าที่นอนยางพาราและที่นอนสปริง มีอายุการใช้งานที่สั้นกว่าที่นอนประเภทอื่นๆ ที่สำคัญไม่เหมาะสำหรับคนที่มีอาการปวดหลัง เพราะที่นอนฟองน้ำจะอ่อนนุ่ม ไม่มีแรงต้านในการรองรับสรีระเท่าที่นอนสปริง

ที่นอนใยมะพร้าว เป็นที่นอนที่ผลิตขึ้นจากใยมะพร้าวโดยการอัดแน่นด้วยกาวขึ้นรูปแบบที่นอน จึงทำให้ที่นอนมีความแน่นและทึบ ค่อนข้างแข็ง ไม่อ่อนนิ่ม ไม่ยุบตัว เมื่อเริ่มเสื่อมสภาพจะเปื่อยยุ่ยและทำให้ผ้าหุ้มภายนอกฉีกขาด จากนั้นใยมะพร้าวจะกลายเป็นฝุ่นผง ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจและสุขภาพได้
การเลือกที่นอนที่ดีที่สุด ไม่ใช่ว่าราคาที่แพง คือที่นอนที่ดี แต่ที่นอนที่ดีที่สุด คือเหมาะกับเราที่สุดทั้งความชอบส่วนตัวของเราและความสบายในขณะนอนหรือหลังจากตื่นนอนและรวมไปถึง สเป็กของตัวที่นอนจะต้องคุ้มค่ากับค่าเงินที่เราจ่ายไป การเลือกที่นอนแข็งหรือนุ่มอยู่ที่ความชอบของคุณเองนะคะ แต่หลักจะมีการเลือกประมาณนี้..
ที่นอนแข็ง หากคุณชินกับท่านอนบนท้อง ที่นอนที่แข็งจะเหมาะกับคุณ เพราะกระดูกสันหลังจะไม่ถูกกระทบ และเป็นแนวตรงที่นอนแข็งปานกลาง
ที่นอนแข็งปานกลางเหมาะกับท่านอนบนหลัง เพราะจะช่วยประคองหลังและกระดูกสันหลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้คุณได้หลับอย่างสบายที่นอนนุ่ม
นอนนุ่มเหมาะกับท่านอนด้านข้าง เพราะจะช่วยประคองความโค้งของร่างกาย เพื่อให้หลับได้สนิท
สิ่งที่เราควรรู้ในการเลืกซื้อที่นอนและเลือกที่นอนให้เหมาะกับวัยในการเลือกที่นอน ต้องเลือกให้เหมาะกับผู้ใช้งานเป็นสำคัญ ต้องดูว่าใครเป็นคนนอน ชอบนอนแบบไหน อย่างเด็กๆ มักจะชอบที่นอนแบบนุ่มๆ ซึ่งก็ไม่ควรจะให้นุ่มเกินไป เพราะอาจทำให้การจัดระเบียบร่างกายทำได้ไม่ดี ส่งผลต่อกระดูกสันหลังในระยะยาว ส่วนผู้ใหญ่ก็ขึ้นอยู่กับว่านอนเดี่ยวหรือนอนคู่ ถ้าคุณไม่ได้นอนคนเดียว ก็จูงมือคู่นอนของคุณมาทดลองนอนพร้อมกันด้วย เพราะที่นอนสำหรับสองคน ควรเป็นที่นอนแบบ Pocket Spring ที่ไม่มีแรงสั่นสะเทือนรบกวนคนข้างๆ เวลาพลิกตัว ซึ่งถ้านอนกันสองคนก็ต้องแชร์ความชอบเรื่องระดับความนุ่ม ความแน่นในระดับที่พอใจกันทั้งคู่ด้วย จะได้หลับสบายกันทั้งสองคน แต่ถ้านอนคนเดียวก็เลือกได้ตามความชอบ สำคัญที่ต้องรองรับสรีระได้ดี ไม่ทำให้เกิดการปวดหลังหรือไม่สบายตัว
สำหรับในผู้สูงอายุต้องเน้นมากเป็นพิเศษ เพราะเวลาอายุมากขึ้นกระดูกสันหลังเริ่มเสื่อมและยิ่งนอนที่นอนไม่ดี ก็จะยิ่งทำให้ปวดหลังมากขึ้น สมัยก่อนผู้สูงอายุมักบอกว่านอนที่นอนแข็งๆ แล้วหายปวดหลัง แต่อาจจะกลายเป็นว่า ไปปวดเมื่อยบริเวณกล้ามเนื้อจุดอื่นๆ แทน สำหรับที่นอนที่นิ่มเกินไปนั้นก็มีผลเสียด้วยเช่นกัน เพราะเวลาเราพลิกตัวจะทำให้กล้ามเนื้อฝั่งตรงข้ามออกแรงต้านมากขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อทำงานหนักขึ้นและส่งผลทำให้มีอาการปวดหลัง
เคล็ดลับดูแลที่นอน ยืดอายุการใช้งาน เมื่อใช้ที่นอนไปนานๆ การดูแลเพื่อยืดอายุการใช้งานและรักษาสภาพของที่นอนให้นานขึ้น เราควร...
-กลับที่นอนหัว-ท้ายทุกๆ 3 เดือน สำหรับที่นอนที่นอนได้ด้านเดียวและกลับหัว-ท้ายและพลิกด้านหน้า-หลังทุกๆ 3 เดือนเช่นกันสำหรับที่นอนที่ออกแบบเพื่อนอนได้ 2 ด้านเพื่อให้ท่ีนอนได้คืนตัวกลับมาเฟิร์มอีกครั้งรับรองที่นอนของคุณจะใช้ได้ยาวนาน
-ระบายอากาศภายในที่นอนบ้าง ด้วยการเปิดหน้าต่างห้องนอนให้ลมโกรก หรือให้แสงแดดส่องเข้ามาถึง เพื่อฆ่าเช้ือแบคทีเรียไปในตัว
-อย่ารีดผ้าบนที่นอนเด็ดขาด หรือวางของร้อนๆ บนที่นอน เพราะจะทำให้วัสดุต่างๆ ภายในเสื่อมคุณภาพและเสียหายได้
-อย่าให้ที่นอนเปียกน้ำ เพราะความชื้นจะยิ่งทำให้วัสดุภายในเสียหายและเสื่อมคุณภาพเร็วขึ้น
-ควรปูผ้ารองกันเปื้อนที่เคลือบสารป้องกันไรฝุ่นที่ถอดซักได้ก่อนปูทับด้วยผ้าปูที่นอน เพื่อช่วยถนอมที่นอนและป้องกันคราบเหงื่อไคลต่างๆ
-ไม่ควรยืนหรือกระโดดบนที่นอน เพราะอาจทำให้สปริงเกิดการเสียหายได้
-หากต้องขนย้ายที่นอน ไม่ควรหักหรืองอที่นอนระหว่างเคลื่อนย้าย เพื่อไม่ได้ที่นอนเสียทรง
-สังเกตว่าที่นอนยังอยู่ในระดับเดียวกันหรือไม่ มีรอยบุบหรือแตกหรือเปล่า หากมองด้วยตาเปล่าไม่เห็นลองใช้มือลูบดูว่าที่นอนเป็นแอ่งหรือเปล่า หากเป็นแสดงว่าที่นอนเริ่มเสื่อมแล้ว
-ทำความสะอาดบ่อยๆ เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรคที่อาจทำให้เราเจ็บป่วยหรือเป็นโรคภูมิแพ้ได้
อย่าละเลยเรื่องการทำความสะอาดที่นอนเพราะส่วนประกอบความนุ่มภายในที่นอน ทั้ง ฟองน้ำ, ใยฝ้ายอัดแน่นรวมถึงขนสัตว์ต่างๆ เมื่อใช้ไปนานๆ ไม่ใส่ใจดูแลก็อาจกลายเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของตัวไรฝุ่น สาเหตุของการเกิดภูมิแพ้เพราะที่นอนเป็นสิ่งที่เราสัมผัสอย่างใกล้ชิดวันละกว่า 7-8 ชม. ดังนั้นสำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้หรือมีความเสี่ยงก็ต้องใส่ใจเป็นพิเศษเรื่องการทำความสะอาดที่นอนด้วยการดูดฝุ่นพลังสูงเฉพาะสำหรับที่นอน ทำลายแหล่งอาหารฆ่าเชื้อโรคภายในที่นอนเป็นประจำทุก 3 เดือนรวมถึงเลือกใช้ที่นอนที่มีการเคลือบสารป้องกันไรฝุ่นและผ้ารองกันเปื้อนที่เคลือบสารป้องกันไรฝุ่นด้วยเพื่อกันไม่ให้ไรฝุ่นต่างๆ มาโดนตัวเราโดยตรงช่วยลดการเกิดภูมิแพ้ได้