
เฟอร์นิเจอร์ไม้นั้นมีความสวยงาม แข็งแรง และทนทานก็จริง แต่เมื่อต้องเจอกับสภาพอากาศร้อนชื้น และฝนตกชุกในช่วงฤดูฝนทุกๆ ปี ก็สุ่มเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายได้เช่นกัน ดังนั้นการดูแลรักษาอย่างถูกวิธี เพื่อให้คงสภาพการใช้งานอย่างสมบูรณ์ได้ยาวนาน จึงเป็นทางออกที่ดีสำหรับคนรักเฟอร์เช่นคุณ
1. ทำความสะอาด
เฟอร์นิเจอร์ไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้สัก ไม้เต็ง ไม้มะค่า หรือไม้ประดู่ ควรใช้ไม้ขนไก่ปัดฝุ่นออกให้หมด และใช้ผ้าฝ้ายหรือผ้าขนหนูชุบน้ำหมาดๆ เช็ดให้สะอาด และทิ้งให้แห้ง แต่หากมีคราบรอยเปื้อนมาก สามารถใช้กระดาษทรายเบอร์ละเอียดขัดออก ทาด้วยน้ำผึ้ง และขัดด้วยผ้าแห้ง เฟอร์นิเจอร์ไม้ก็จะเงางามเหมือนใหม่
เฟอร์ไม้เนื้ออ่อน เช่น ไม้ไผ่ หวาย หรือไม้ยาง แนะนำให้ใช้แปรง หรือไม้กวาดขนไก่ปัดฝุ่นออก แล้วใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดออก ทิ้วไว้ให้แห้ง ถ้ามีรอยเปื้อนมากให้ใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำอุ่นเช็ดให้ทั่ว และขัดด้วยขี้ผึ้ง ที่สำคัญไม่ควรใช้มือเปียกจับเฟอร์นิเจอร์ เพราะจะทำให้เกิดรอยด่าง
2. ขจัดปัญหากวนใจจากรอยด่างและคราบน้ำ
วิธีกำจัดรอยด่างบนผิวเฟอร์นิเจอร์ไม้นั้น สามารถทำได้โดย เช็ดน้ำให้แห้งสนิท จากนั้นใช้ผ้าสะอาด แตะมายองเนสถูลงบนรอยนั้น รอยด่างเป็นดวงจะจางไป และถ้าเนื้อไม้มีรอยขีดข่วน ให้ลงใช้ยาขัดรองเท้าสีใกล้เคียงกับเฟอร์นิเจอร์ทาบนรอยนั้น เป็นเทคนิคง่ายๆ แต่ช่วยแก้ปัญหาได้อย่างน่าพอใจ ปล. หากใครไม่ชอบความยุ่งยากก็สามารถใช้น้ำยาเช็ดทำความสะอาดและขัดเงาไปในตัวก็ได้เหมือนกัน
3. ป้องกันปลวกและมอด
ใช้น้ำยาป้องกันแมลงกินไม้ให้ทั่วก่อนทาสี ถ้าจะลงมือเองต้องสวมถุงมือ ใส่หน้ากาก ทำงานอยู่เหนือลม และทำตามข้อควรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันอันตรายจากสารเคมีในน้ำยากำจัดแมลง
4. ขัดสี
เมื่อไม้ต้องเผชิญกับสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ย่อมเกิดปัญหาการหด บิด โก่งตัว และสีลอกล่อน การแก้ไขคือต้องทำการขัดสีที่เสียหายออกให้ถึงเนื้อไม้ และไสผิวให้เรียบก่อนลงสีใหม่ การทาสีย้อมไม้ต้องทา 2-3 ชั้น และแต่ละชั้นควรทิ้งระยะให้แห้งตัวอย่างน้อย 6 ชั่วโมง และหากเป็น
เฟอร์นิเจอร์ไม้เนื้อแข็ง หากเป็นเฟอร์นิเจอร์ใหม่ ใช้ผ้าฝ้ายหรือผ้าขนหนูชุบน้ำสบู่ผสมน้ำเจือจาง บิดผ้าพอหมาดแล้วเช็ดให้ทั่วทุกซอกทุกมุม ข้อควรระมัดระวังคืออย่าใช้น้ำมากจนเกินไป หลังเช็ดแล้วต้องรีบผึ่งเฟอร์นิเจอร์ให้แห้งโดยเร็ว แต่หากเป็นเฟอร์นิเจอร์เก่า ให้ใช้เพียงผ้าแห้งเช็ดทำความสะอาด หรือปัดฝุ่นด้วยไม้ขนไก่ หรือบางบ้านอาจเลือกใช้ครีมหรือน้ำยาทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ไม้โดยเฉพาะ แต่ควรเลือกน้ำยาหรือครีมทำความสะอาดที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือแอมโมเนีย
5. ปกป้องผิวไม้จากความชื้นและแสงแดด
ด้วยการทาสีน้ำมัน สีน้ำพลาสติกสำหรับงานไม้โดยเฉพาะ เพียงเตรียมพื้นผิวให้สะอาดและแห้งสนิทก็ทาทับได้ทันที
6. ระบายอากาศในบ้าน
อีกหนึ่งวิธีลดปัญหาคือการระบายอากาศภายในบ้านให้ถ่ายเทไม่อับชื้น ด้วยการเปิดประตู-หน้าต่าง หรือเปิดพัดล เพื่อให้อากาศหมุนเวียน ช่วยลดความชื้นสัมพัทธ์ของห้องให้อยู่ระหว่าง 40-70% ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่คุณจะป้องกันเฟอร์นิเจอร์ไม้ของคุณให้คงสภาพสวยงาม แข็งแรง ทนทาน ได้เป็นอย่างดี!