ติดตั้งแอร์ให้ถูกหลัก เลือกแอร์ที่ใช่.. สบายกาย สบายกระเป๋า

ราควรให้ความสำคัญกับการติดตั้งที่ถูกต้องและการเลือกตำแหน่งติดตั้งให้เหมาะสมกับการใช้งานแต่ละห้อง เพื่อให้เครื่องปรับอากาศของเราสามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่า ทั้งเย็นกายและสบายกระเป๋าในระยะยาว อีกด้วย น่าสนใจนะคะ 

เลือกแอร์ที่ใช่
การเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศที่ตอบโจทย์การใช้งาน
- โดยพิจารณาเลือกเครื่องปรับอากาศที่ติดฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เป็นหลัก
- เน้นประสิทธิภาพค่า EER หรือ SEER ที่มีตัวเลขสูง ซึ่งประหยัดไฟฟ้าตัวเลขต่ำ
- เลือกเครื่องปรับอากาศที่สามารถทำความเย็นได้เร็ว เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพอากาศบ้านเราที่ต้องการความชุ่มฉ่ำเย็นกายรวดเร็วที่สุด
- ขณะที่การเลือกติดตั้งระหว่างเครื่องปรับอากาศธรรมดาหรือระบบอินเวอร์เตอร์ (Inverter) มีความแตกต่างกันที่ระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับความเย็น ซึ่งส่งผลต่อข้อดีและข้อเสียต่างกันในการพิจารณาเลือกซื้อ โดยหลังจากเครื่องปรับอากาศทำงานถึงระดับอุณหภูมิที่ต้องการ คอมเพรสเซอร์จะทำงานเบาลงแต่ไม่หยุดทำงานในระบบอินเวอร์เตอร์ แต่จะตัดการทำงานในระบบแอร์ธรรมดา จนกว่าอุณหภูมิจะปรับเปลี่ยนในระดับที่ต้องทำงานสตาร์ทใหม่ ซึ่งกินไฟมากกว่าระบบอินเวอร์เตอร์ที่สามารถหรี่อุณหภูมิเลี้ยงระดับความเย็นไว้ได้

อย่างไรก็ตาม แม้เครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์จะสามารถหล่อเลี้ยงความเย็นได้ดีกว่าและประหยัดค่าไฟมากกว่าระบบธรรมดา แต่ก็มีข้อเสียชัดเจนอยู่ที่ด้านค่าใช้จ่ายที่แพงกว่า และหากเป็นสถานที่ที่อุณหภูมิไม่คงที่ เช่น ร้านอาหารที่ต้องเปิดปิดประตูบ่อย ทำให้แอร์ต้องทำงานหนัก เพราะต้องพยายามรักษาระดับความเย็นที่ไหลออกทุกครั้งที่เปิดปิดประตู

คำนวณบีทียูจากขนาดห้อง
- ไม่ใช่ยิ่งมีบีทียู (BTU) มาก ยิ่งดี เพราะอาจจะทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายแพงเกินความจำเป็น หรือน้อยเกินไป เพราะต้องการประหยัด แต่ไม่สามารถทำความเย็นตอบสนองความต้องการได้

สำหรับการคำนวณบีทียูควรวัดจากขนาดของห้อง ได้แก่พื้นที่ความกว้างและความยาว รวมถึงความสูงของเพดานห้อง ตลอดจนตัวแปรต่างๆ ประกอบการพิจารณา เช่น ฉนวนกันความร้อน จำนวนหน้าต่าง จำนวนคนและกิจกรรมในห้อง ทิศทางของแสงแดดและเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้อง โดยใช้สูตร พื้นที่ห้อง (กว้าง x ยาว) x ค่าตัวแปร
ด้านค่าตัวแปรที่ใช้แตกต่างกันไปตามแต่ละห้อง ดังนี้

– ห้องนอนหรือห้องที่มีความร้อนน้อย ใช้ค่า 700-800
– ห้องรับแขกหรือห้องที่มีความร้อนปานกลาง – มาก ใช้ค่า 800-900
– ห้องทำงาน ห้องออกกำลังกาย หรือห้องที่มีฝ้าสูงและมีความร้อนสูง ใช้ค่า 900-1,000
– ร้านค้า ร้านอาหาร และอาคารสำนักงาน ใช้ค่า 1,000-2,000
– ส่วนห้องที่มีคนจำนวนมากหรือเพดานสูงเกินกว่า 2.5 เมตร เราควรบวกค่าบีทียูที่คำนวณได้จากพื้นที่เข้าไปอีก 5% จากปกติ หรือใช้สูตรคำนวณ คือ ปริมาตรของห้อง (กว้าง x ยาว x สูง)/3 x ค่าตัวแปร เพื่อให้ได้เครื่องปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพในการทำความเย็นเพียงพอและใช้งานได้คงทนในระยะยาว

ติดตั้งให้ถูกตำแหน่ง
- การติดตั้งเครื่องปรับอากาศที่ดีและเหมาะสมกับประเทศไทย ซึ่งมีทั้งหนู แมลงสาป และแมลงทั่วไปอีกนานาชนิด ทำให้การดำเนินการติดตั้งจำเป็นต้องสำรวจสภาพแวดล้อมอย่างละเอียดรอบคอบก่อน ไม่ว่าจะเป็น จุดต่อเชื่อม ทางออกของท่อน้ำยา โดยต้องทำการปิดช่องประกอบทั้งหมดให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์เข้าไปกัดสายไฟ รวมถึงการให้ช่างเดินสายดินให้เรียบร้อยถูกต้องปลอดภัยต่อการใช้งาน

- ควรพิจารณาตำแหน่งในการติดตั้งทั้งตัวเครื่องปรับอากาศที่ไม่ควรอยู่ชิดติดเพดานเกินไป เพราะจะทำให้ช่างไม่สามารถทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง รวมทั้ง คอยล์ร้อน (Condensing Unit) ให้อยู่ห่างจากห้องนอน เพื่อไม่ให้เกิดเสียงดังรบกวน และระยะของการติดตั้งที่ไม่ควรให้ท่อย้ำยายาวเกินไป หรือไม่ควรยาวเกิน 12 เมตร เพราะจะทำให้แรงดันน้ำยาลดลงและส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำความเย็นพร้อมติดตั้งให้ห่างจากกำแพงราว 50 เซนติเมตรและควรเว้นระยะจากสิ่งกีดขวางด้านหน้าประมาณ 1 เมตร

- ควรคำนึงถึงทิศทางการติดตั้งของเครื่องปรับอากาศ เพราะแสงแดดที่แผดเผาสามารถส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานและค่าไฟในอนาคต โดยเราควรหลีกเลี่ยงผนังที่เผชิญหน้ากับแสงแดดโดยตรง เพื่อช่วยให้เครื่องปรับอากาศไม่ต้องทำงานหนัก พร้อมพิจารณาลักษณะการใช้งานให้สอดคล้องกัน เช่น เรามักใช้ห้องทำงานในเวลากลางวัน ซึ่งแสงอาทิตย์สาดส่องทางด้านทิศตะวันออก เราควรติดตั้งเครื่องปรับอากาศในทิศทางตรงกันข้าม คือ ทิศตะวันตก ส่วนห้องนอนที่ใช้งานในเวลากลางคืน เราควรติดตั้งเครื่องปรับอากาศในทิศตะวันออก

- ทิศทางของแสง เรายังต้องพิจารณาการปรับทิศทางลมให้เหมาะสม เช่น การติดตั้งเครื่องปรับอากาศในห้องทำงานควรหาจุดที่ติดตั้งให้สามารถกระจายความเย็นได้ทั่วถึง และหลีกเลี่ยงการติดตั้งในตำแหน่งที่หันไปทางประตูในห้องที่ต้องเปิดปิดใช้งานบ่อย เพราะจะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักขึ้นในการรักษาระดับความเย็นให้คงที่

ที่สำคัญหลังจากติดตั้งใช้งานเครื่องปรับอากาศเรียบร้อย อย่าลืมล้างเครื่องปรับอากาศอย่างสม่ำเสมอทุก 3-6 เดือน เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานและสุขภาพที่ดีของสมาชิกในครอบครัว

ขอขอบคุณข้อมูล: http://www.ddproperty.com